เพราะเหตุใด “แมนฯ ซิตี้” ผลงานถึงดร็อปลงกว่าเดิม
เพราะเหตุใด “แมนฯ ซิตี้” ผลงานถึงดร็อปลงกว่าเดิม
ใครมันจะไปคาดคิดว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะสะดุดติดต่อกันในพรีเมียร์ลีกมา 4 เกมติดต่อกัน พร้อมร่วงลงมารั้งอันดับ 4 ของตารางในตอนนี้
ที่ผ่านมาเรามักจะเห็นทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า สามารถดีดตัวเองกลับมาในเกมถัดไปได้ทันทีเมื่อออกอาการสะดุด 1 หรือ 2 เกม ทว่าตอนนี้มันล่อไป 4 เกมติดๆ แล้วที่พวกเขาออกอาการเป๋ไปมาจนถูกคู่แข่งฉีกคะแนนหนีออกไป
กับสิ่งที่เกิดขึ้นมันเรื่องไม่ใช่ง่ายที่จะเกิดกับพลพรรคทัพ “เรือใบสีฟ้า” ในตอนนี้ ซึ่งจะมีเหตุผลอะไรที่ทำให้พวกเขาอาการหนักแบบที่ไม่เคยเป็น ขอบสนาม ของเราจะพาไปวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กัน
เริ่มต้นกันที่ประเด็นแรกที่เหมือนเป็นหัวข้อที่ถูกนำมาถกเถียงกันมากที่สุด คือการขาด โรดรี้ มิดฟิลด์ที่เปรียบเสมือนหัวใจในแดนกลางของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งเมื่อขาดเขามันส่งผลต่อผลงานโดยรวมของทีมแบบชัดเจน
เมื่อยามที่มี โรดรี้ คอยคุมเกมกลางสนาม เขาจะช่วยให้เพื่อนรอบข้างเล่นได้ง่ายมากขึ้น ทั้งเรื่องของการออกบอล หรือคอยตัดเกม ปัดกวาดเกมรุกของคู่แข่ง ทว่าพอขาดกองกลางชาวสเปนไป เหมือนทัพ “เรือใบสีฟ้า” ไร้คนที่จะมาช่วยชะลอเกมรุกของคู่แข่ง บอลในหลายๆ จังหวะสามารถผ่านพื้นที่ดังกล่าวมาได้โดยง่าย
แน่นอนว่าการจะหาใครสักคนมาแทน โรดรี้ ในทีม ณ ตอนนี้เป็นเรื่องที่ยากมากๆ ในเคสของ คาลวิน ฟิลลิปส์ เรารู้กันอยู่แล้วว่าคุณภาพของเขาดร็อปลงไปจากเดิม แถมโอกาสลงเล่นก็น้อย และลงสนามมาผลงานก็ไม่เป็นที่น่าประทับใจนัก
หรือในรายอื่นๆ ที่ เป๊ป พยายามปรับเปลี่ยนแดนกลางเอา มาเตโอ โควาซิซ มาเล่น หรือ มาเตอุส นูเนส แต่ต้องยอมรับว่าผลที่ออกมามันไม่ค่อยเป็นอย่างที่หวังมากนัก
ฉะนั้นไม่แปลกเลยที่ตัวเลขเมื่อไม่มี โรดรี้ ลงสนาม 4 เกมในซีซั่นนี้พวกเขาจะสะดุดแพ้รวด แถมมันตอกย้ำอีกว่า 43 เกมหลังสุดที่มีเขาคุมแดนกลาง แมนฯ ซิตี้ สะกดคำว่า “แพ้” ไม่เป็นสักนัดเดียว
โดยเปอร์เซ็นค่าเฉลี่ยนรวมทั้งหมดตั้งแต่มี โรดรี้ อยู่ในสีเสื้อของทัพเรือใบ 136 เกม เปอร์เซ็นชนะอยู่ที่ 72.8 % เก็บแต้มได้ต่อเกม 2.3 คะแนน ยิงประตูได้ต่อเกม 2.5 ประตู และโอกาสเสียประตูอยู่ที่ 0.8 ลูกเท่านั้น
และอีก 27 เกมที่ไม่มีโรดรี้ เปอร์เซ็นชนะอยู่ที่ 63 % เก็บแต้มได้ต่อเกม 2 คะแนน ยิงประตูได้ต่อเกม 2.1 ประตู และโอกาสเสียประตูการันเสียแน่ 1 ประตู เป็นอย่างน้อย
สิ่งเหล่านี้ก็แสดงให้เห็นได้ชัดว่า เรือใบ ที่ไม่มีโรดรี้ ส่งผลต่อผลงานทีมอย่างแน่นอน

จากประเด็นคำถามตั้งแต่ต้นซีซั่นว่าการขาด เดอ บรอยน์ จะส่งผลต่อ แมนฯ ซิตี้ มากขนาดไหน ? ณ วันนี้คำตอบเริ่มที่จะเฉลยออกมาให้เห็นเรื่อยๆ มากยิ่งขึ้น
แน่นอนว่า เดอ บรอยน์ คือหนึ่งในคนที่สามารถดลบันดาลอะไรบางอย่างในสนามได้อยู่เสมอ โดยเฉพาะการจ่ายบอล วางบอล ที่สามารถเลือกเล่นในช็อตที่คู่แข่งคิดไม่ถึงอยู่บ่อยครั้ง และเมื่อมาเข้าคู่กับ ฮาแลนด์ มันเลยกลายเป็นความกลมกล่อมที่ยอดเยี่ยม
โอเคแหละครับว่าตอนนี้ ฮาแลนด์ นำเป็นดาวซัลโวของพรีเมียร์ลีกอยู่ แต่กระนั้นบางทีการมีคู่หูอย่าง เดอ บรอยน์ ก็เหมือนเป็นการช่วยรีดศักยภาพของเขาให้มีโอกาสผลิตประตูมากขึ้นกว่าเดิม
อย่างในบางเกมแนวรุกของ แมนฯ ซิตี้ ออกอากาศตื้อๆ ตันๆ รังสรรค์เกมรุกไม่ออก ไม่แปลกที่แฟนๆ จะนึกถึง เดอ บรอยน์ ขึ้นมาทันที เพราะเกมแบบนี้ถ้ามีคนที่คอยครีเอตช็อตต่างๆ ในการช่วยตัดสินเกมได้มันก็คงจะดี
คราวนี้แฟนบอลทัพเรือใบคงต้องร้องเพลงรอขอให้ เดอ บรอยน์ กลับมาลงสนามให้ไวไว เพราะจะเหมือนได้อาวุธหนักในแผงเกมรุกคอยบัญชาอีกครั้ง
ขุมกำลังเชิงลึก
หนึ่งในจุดที่น่าสนใจของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในตอนนี้คือขุมกำลังเชิงลึก ที่ในตอนนี้ดูเหมือนว่าคุณภาพ และความต้องการใช้งานมันไม่ตอบโจทย์ต่อแผนงานของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เท่าไหร่นัก
ถ้าลองมองไปที่ตัวหลักๆ ของ ซิตี้ ในตอนนี้ 11 ตัวจริงแทบจะการันตีได้แล้วมากกว่า 7-8 ราย อาจมีการสลับหมุนเวียนกันบ้าง โดยส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในแผงกองกลาง หรือแนวรับ
ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนั้นในแต่ละเกมเราจะเห็นว่าเหล่าตัวสำรองที่ข้างสนามส่วนใหญ่จะเป็นชื่อในแผนกเกมรับซะเยอะ ยกตัวอย่างในเกมใหญ่ที่พบกับ ลิเวอร์พูล ในวันนั้น เป๊ป ไม่เลือกที่จะเปลี่ยนตัวสำรองลงสนามเลยสักคนเดียว
แน่นอนว่าหนึ่งในเหตุผลคือที่ข้างสนามไม่มีนักเตะจำพวกเกมรุกให้ลงไปเปลี่ยนเกมเลย ทั้งหมด 8 คนล้วนเป็นนักเตะที่ถนัดเกมรับทั้งหมด หรือในเกมล่าสุดกับ แอสตัน วิลล่า เมื่อ เฌเรมี่ โดกู เจ็บ, แจ็ค กรีลิช โดนแบน ทำให้ตัวเลือกจะลงมาพอกู้สถานการณ์กลายเป็นแดนกลางอย่าง โควาซิช, นูเนส หรือดาวรุ่งอย่าง ออสการ์ บ๊อบบ์
เมื่อตัวเลือกในมือของ เป๊ป มันมีข้อจำกัด มันเลยกลายเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ไม่สามารถพลิกแพลง หรือเปลี่ยนโฉมหน้าของเกมในแต่ล่ะนัดได้มากพอ

ปิดท้ายประเด็นนี้ซึ่งเกี่ยวข้องกับหัวข้อต่างๆ ที่กล่าวมาคือเรื่องของอาการบาดเจ็บของนักเตะ ซึ่งกลายเป็นเคสที่กุนซือส่วนใหญ่ต่างปวดหัวที่นักเตะในฤดูกาลนี้หมุนเวียนเปลี่ยนเข้าโรงหมอกันเป็นว่ากัน
อย่างกับ แมนฯ ซิตี้ ก็ต้องเสีย เดอ บรอยน์ ไปตั้งแต่ช่วงต้นซีซั่น นอกจากนั้นคนอื่นๆ ก็มีแตะมือสลับกันเจ็บอยู่เรื่อยๆ ทั้ง จอห์น สโตนส์, มานูเอล อคานยี่, แบร์นาร์โด้ ซิลวา หรืออย่างคนล่าสุดก็เป็น โดกู
ซึ่งเมื่อนักเตะเจ็บมันก็กระทบชิ่งกันไปเป็นทอดๆ อย่างประเด็นก่อนหน้าขุมกำลังของทีมก็ลดน้อยถอยลงไป ต้องหันมาใช้บริการเหล่านักเตะดาวรุ่งบางรายในการลงสนาม หรือแก้เกมในนัดนั้นๆ
แน่นอนว่าทุกทีมต้องเผชิญกับเหล่านักเตะบาดเจ็บ และตอนนี้ เป๊ป และ แมนฯ ซิตี้ กำลังอยู่ในช่วงพิสูจน์ตัวเอง ท่ามกลางผลการแข่งขันที่มันไม่น่าพอใจในตอนนี้